PART 1:Study Experience in Bachelor of International Business Administration, Feng Chia University, Taiwan(Thailand)
ทำไมถึงเลือกศึกษาต่อณประเทศไต้หวัน
หลังจากที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนคิงส์เวย์คริสเตียนจากรัฐวอชิงตันประเทศสหรัฐอเมริกาผมได้มีความคิดว่าผมต้องการที่จะเรียนรู้ภาษาจีนเนื่องจากว่าทางครอบครัวและตัวผมเองเห็นว่าภาษาจีนเป็นภาษาที่สำคัญในการประกอบอาชีพในอนาคตรวมถึงการติดต่อค้าขายนานาชาติรวมถึงที่ประเทศจีนเป็นประเทศมหาอำนาจและภาษาจีนเป็นภาษาที่ทั่วโลกยอมรับและกำลังได้รับความนิยมจากทั่วโลกในขณะนี้ผมจึงเลือกที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยในไต้หวันว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจและตรงตามกับสาขาที่ต้องการที่จะเรียน
FengChiaUniversityมหาวิทยาลัยฝงเจี่ย
ผมได้ทำการค้นหาข้อมูลแล้วจึงได้พบว่ามหาวิทยาลัยฝงเจี่ยเป็นมหาวิทยาลัยที่มีคณะตรงตามความต้องการของผมและมหาวิทยาลัยฝงเจี่ยเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนอันดับต้นๆของประเทศไต้หวันมหาวิทยาลัยฝงเจี่ยตั้งอยู่ในเมืองไถจงทางตอนกลางของประเทศไต้หวันไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไปค่าครองชีพไล่เลี่ยกับประเทศไทยแต่ถูกกว่าไทเปที่เป็นเมืองหลวงและยังเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยฝงเจี่ยเพราะว่าไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงซึ่งเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้ฝึกพัฒนาภาษาจีนมากขึ้นมหาวิทยาลัยฝงเจี่ยเป็นหนึ่งในไม่กี่มหาวิทยาลัยในประเทศไต้หวันที่มีการสอนเป็นภาษาอังกฤษล้วนทั้งในระดับปริญญาตรีปริญญาโทและปริญญาเอกเป็นโอกาสดีที่เปิดให้นักเรียนต่างชาติที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาจีนได้เข้ามาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยฝงเจี่ยทางมหาวิทยาลัยฝงเจี่ยได้มีการมอบทุนการศึกษาตลอดทั้ง4ปีการศึกษาแบ่งเป็นทุนเต็มและทุนครึ่งทุนเต็มโดยได้คลอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่างยกเว้นค่าเดินทางค่าประกันและค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตประจำวันทุนการศึกษาจะดูจากผลการศึกษาในปีก่อนหน้านี้ในส่วนสภาพแวดล้อมรอบรั้วมหาวิทยาลัยข้างหน้าของมหาวิทยาลัยมีFengChiaNightMarketเป็นตลาดกลางคืนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดที่หนึ่งในประเทศไต้หวันซึ่งมีทั้งอาหารและเสื้อผ้าสร้างความสะดวกสบายให้กับนักเรียนนักศึกษาอย่างมาก
คณะที่ศึกษาBachelorofInternationalBusinessAdministration(BIBA)
คณะBIBAเป็นคณะที่เรียนทางการธุรกิจบริหารระหว่างประเทศซึ่งแต่ละวิชาในคณะนี้จะได้มีโอกาสเรียนทั้งแคลคูลัสเศรษฐศาสตร์การบัญชีการบริหารระหว่างประเทศการเงินไฟสถิติการตลาดการตลาดระหว่างประเทศการค้าขายระหว่างประเทศการเงินระหว่างประเทศและโลจิสติกคณะนี้ทำให้มีทางเลือกมากขึ้นว่าตัวเองอยากประกอบอาชีพทางไหนขั้นตอนของการสมัครเข้าคณะนี้ต้องมีใบจบการศึกษาระดับมัธยมปลายหรือที่เรียกกันว่าDiplomaใบแสดงผลการเรียนเกรดเฉลี่ยระดับมัธยมปลายหรือTranscriptและสุดท้ายคือใบผลการสอบภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็นTOEFLคะแนนต่ำสุด61หรือIELTSคะแนนต่ำสุด5.0จุดเด่นของคณะนี้ก็คือในปี4สามรถเลือกที่จะไปแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศที่ประเทศไหนก็ได้หรือจะเลือกฝึกงานหรือInternshipในประเทศไต้หวันซึ่งคณะนี้เป็นคณะเดียวในมหาวิทยาลับฝงเจี่ยที่มีโอกาสให้เราเลือกเช่นนี้คณะนี้วิชาบังคับทุกวิชาทำการสอนเป็นภาษาอังกฤษและในคณะนี้ยังมีนักเรียนต่างชาติมากมายจากหลากหลายประเทศจึงเป็นโอกาสดีที่จะได้มีเพื่อนต่างชาติรวมทั้งคณะนี้เป็นคณะที่มีครูต่างชาติจากทั้งสหรัฐอเมริกาและแคนนาดาหลังจากจบการศึกษาจากคณะนี้ไปแล้วสามารถทำงานเป็นนักบัญชีนักตรวจสอบบัญชีที่ปรึกษาด้านการเงินธุรกิจระหว่างประเทศหรือสามารถทำงานทางด้านการตลาดได้ด้วยโดยส่วนตัวคิดว่าไม่ยากเกินความสามรถเหมาะสำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนด้านการบริหารธุรกิจเป็นอย่างมาก
ความแตกต่างระหว่างประเทศไทยและประเทศไต้หวัน
ส่วนตัวคิดว่าในด้านของการศึกษาระหว่างประเทศไทยและประเทศไต้หวันค่อนข้างคล้ายกันจะแตกต่างกันเพียงแค่ในแง่ของความกดดันซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าการศึกษาในประเทศไทยค่อนข้างกดดันและจริงจังมากกว่าการศึกษาในประเทศไต้หวันในด้านของสภาพอากาศจะต่างกันมากเพราะว่าในประเทศไทยนั้นมีโอกาสน้อยมากที่จะมีลมแรงอากาศเย็นส่วนใหญ่จะเป็นร้อนอบอ้าวแต่ในประเทศไต้หวันจะค่อนข้างไม่แน่นอนเย็นถึงเย็นมากและร้อนถึงร้อนมากและยังมีทั้งฝนตกหนักเนื่องจากประเทศไต้หวันเป็นเกาะจึงมีฝนตกมากหลายวันต่อหนึ่งปีอากาศในประเทศไต้หวันจะคาดเดายากเช้าอาจจะร้อนกลางวันอาจจะฝนตกหนักและตอนเย็นอาจจะหนาวมากก็เป็นได้สิ่งแนะนำว่าควรเตรียมตัวให้พร้อมร่มหรือเสื้อกันหนาวการเดินทางในประเทศไต้หวันมีความเป็นระเบียบสะอาดเรียบร้อยและตรงต่อเวลารวมถึงปลอดภัยและนี่คือข้อแตกต่างคร่าวๆที่ผมสัมผัสได้
สิ่งที่ได้รับจากการศึกษาต่อณประเทศไต้หวัน
สิ่งแรกก็คือได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตในประเทศไต้หวันอาหารไต้หวันรวมถึงการทานอาหารที่ต้องใช้ช้อนและตะเกียบเป็นส่วนใหญ่อย่างที่สองก็คือภาษาจีนในตอนแรกที่มาผมไม่สามารถสื่อสารภาษาจีนได้เลยจนมาถึงปัจจุบันนี้เกือบสองปีผ่านไปภาษาจีนของผมพัฒนาขึ้นอย่างมากจนเห็นได้ชัดซึ่งเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญมากอย่างต่อมาก็คือการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับเพื่อนๆต่างชาติทั้งคนไต้หวันและคนต่างชาติซึ่งเป็นความท้าทายใหม่ของผมรวมถึงได้เพื่อนใหม่มากมายหลายประเทศและสิ่งสุดท้ายก็คือการใช้ชีวิตด้วยตัวของตัวเองให้อยู่รอดได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นสิ่งซึ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งทีผมภาคภูมิใจที่ได้รับในการมาศึกษาต่อณประเทศไต้หวันมากที่สุด